วิธีการสกัดไคตินและไคโตซานจากดักแด้ไหมและจิ้งหรีด
นักวิจัย  
น.ส.น ้าฝน ไทยวงษ์
น.ส.นรินทร์ทิพย์ แก้วรังสี
น.ส.สุวิพร รื่นโพธิ์กลาง
น.ส.มัณฑิตา คงสุข
นายนราวิชญ์ เพ็ชรสุข
คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
 
สถานภาพสิทธิบัตร
คำขออนุสิทธิบัตร เลขที่คำขอ 2103001438 ยื่นคำขอวันที่ 17 พฤษภาคม 2564
ที่มา ข้อมูลเบื้องต้น ความสำคัญของปัญหา
ไคตินเป็นสารพอลิเมอร์ธรรมชาติที่อยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ที่มีสายยาว ไคตินมีโครงสร้างคล้ายกับเซลลูโลส ซึ่งเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ของสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ไคตินจึงเป็นสารที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมในรูปของสารที่ไม่ย่อยสลาย เป็นข้อดีในการจะน้ามาใช้ประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การนำไคตินมาใช้ประโยชน์นั้นทำได้ยากเนื่องจากไคตินไม่สามารถละลายในสารละลายทั่วไปได้ จึงได้นำไคตินมากำจัดหมู่อะซิติสออกจากโมเลกุลได้อนุพันธ์ที่เรียกว่าไคโตซาน ทั้งนี การสกัดไคตินและไคโตซานโดยวิธีทางเคมี แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ กระบวนการกำจัดโปรตีน กระบวนการกำจัดเกลือแร่ และกระบวนการกำจัดหรือลดหมู่อะซีติล ทั่งนี ไคตินและไคโตซานมีการนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมอาหารได้น้าไตโตซานมาใช้ในการเคลือบผิวผลไม้เพื่อยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยว เนื่องจากไคตินเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ของสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง จึงมีความเป็นไปได้ในการสกัดไคตินและไคโตซานจากดักแด้ไหม
และจิ้งหรีด
สรุปและจุดเด่นเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ดักแด้ไหมและจิ้งหรีดเป็นแมลงบริโภคที่ได้รับความนิยมเพาะเลี้ยงในประเทศไทย กอร์ปกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติสนับสนุนให้มีการบริโภคแมลง ดังนั้น ไคตินและไคโตซานที่ใช้จิ้งหรีด (ทั้งตัว) และดักแด้ไหม (ทั้งตัว) เป็นวัตถุดิบในการผลิต
ความร่วมมือที่เสาะหา
เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ
สถานภาพของผลงานวิจัย
ต้นแบบระดับห้องปฏิบัติการได้ถูกทดสอบในสภาวะจำลอง
เงื่อนไข
เทคโนโลยีราคาเดียว
สนใจสอบถามข้อมูล
ผศ. ดุษฎี เทียมเทศ บุญมาสูงทรง
โทรศัพท์ 044-233000 ต่อ 5100-5101
โทรศัพท์มือถือ 081-5476552
Email skycrow_ann@hotmail.com, unisearch.rmuti@gmail.com
สถาบันบริการวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

คุณต้องการขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยี "วิธีการสกัดไคตินและไคโตซานจากดักแด้ไหมและจิ้งหรีด"